เนื้อวากิวสุรินทร์ เมนูเด็ดเสิร์ฟ ผู้นำเอเปค
เนื้อวากิวสุรินทร์ เมนูเด็ดเสิร์ฟ ผู้นำเอเปค
เกษตรฯเตรียมเสิร์ฟเนื้อวากิวสุรินทร์ จากเกษตรกรสหกรณ์ฯวากิวยางสว่าง ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย – แปซิฟิกหรือเอเปค 2022
นายเรืองศักด์ สีตะริสุ ประธานกรรมการสหกรณ์โคเนื้อสุรินทร์วากิวยางสว่าง จำกัด กล่าวว่า อดีตชาวบ้านในตำบลยางสว่างนิยมเลี้ยงกระบือเป็นอาชีพและอ.รัตนบุรีเป็นพื้นที่มีการเลี้ยงกระบือมากที่สุดของจ.สุรินทร์ แต่มาช่วงหลังการเลี้ยงกระบือเริ่มหายไป ก่อนกลับมาพลิกฟื้นอาชีพเลี้ยงโคเนื้อวากิวขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากขายได้ราคาดี เป็นที่ต้องการของพ่อค้าและผู้บริโภค
ผลจากการต่างคนต่างเลี้ยง ต่างคนต่างขาย ทำให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าหรือนายฮ้อย ชาวบ้านก็ขายตัดราคากัน ทำให้ไม่เป็นผลดีต่อคนเลี้ยง จึงมีการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์ขึ้นภายใต้ชื่อ สหกรณ์โคเนื้อสุรินทร์วากิวยางสว่าง จำกัด ปัจจุบันมีสมาชิก 110 ราย ทุนดำเนินงาน 3.5 ล้านบาท
ปัจจุบันสหกรณ์มีโคเนื้อวากิวอยู่ประมาณ 600 ตัวแบ่งเป็นแม่พันธุ์ 80 ตัว ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่จะเลี้ยงโคต้นน้ำ โดยลูกโคที่เกิดมาประมาณ 15 – 18 เดือนก็จะจำหน่ายให้กับทางสหกรณ์ไปขุนต่อ โดยสหกรณ์รับซื้อลูกโคจากสมาชิกสนนในราคา 100 – 110 บาทต่อกิโลกรัม จากนั้นมาขุนต่อประมาณ 6-8 เดือนจนได้น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 390 – 400 กิโลกรัมต่อตัว จึงส่งจำหน่ายให้กับโรงเชือดหรือพ่อค้าที่มารับซื้อ สนนในราคา 130 – 140 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันสหกรณ์จำหน่ายโคเนื้อวากิวเฉลี่ยอยู่ที่ 10 – 15 ตัวต่อเดือน
เหตุที่ชาวบ้านไม่นิยมขุนต่อเพราะต้นทุนเลี้ยงสูง ต้องใช้อาหารอัดเข้าไปเยอะ สหกรณ์มีศักยภาพมากกว่า ทำให้สหกรณ์รายได้จากส่วนต่างตรงนี้ ยอมรับว่าผลพวงจากราคาเป็นสิ่งจูงใจอีกทั้งตลาดมีความต้องการสูง ปัจจุบันทำให้สมาชิกหันมาเลี้ยงโคเนื้อวากิว เฉลี่ย 3-6 ตัวต่อครัวเรือน แต่ปัญหาวากิวโตช้าและเนื้อไม่เยอะเหมือนบรามันหรือชาโลเล่ ดังนั้นสหกรณ์จึงส่งเสริมให้สมาชิกเลี้ยงบรามันและชาดลเล่ควบคู่ไปวากิว
โดยถ้าเป็นวัวทั่วไปพันธุ์พื้นเมือง 80 – 90 บาท บรามัน ชาโลเล่ 100 – 110 ส่วนวากิว 130 – 140 บาท ราคาและความต้องการของตลาดเป็นแรงจุงใจให้ชาวบ้านหันมาเลี้ยงวากิว สหกรณ์โคเนื้อสุรินทร์วากิวยางสว่าง จำกัด ในตำบลยางสว่าง อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ อีกหนึ่งในสหกรณ์ที่ประสบผลสำเร็จในการส่งเสริมให้สมาชิกเลี้ยงโคเนื้อวากิว ซึ่งเป็นพันธุ์ลูกผสมระหว่างวากิวญี่ปุ่นกับวัวพื้นเมืองไทย เนื่องจากเนื้อวากิวมีราคาค่อนข้างสูง แม้จะเลี้ยงยากโตช้าน้ำหนักน้อยกว่าเมื่อเทียบกันวัวลูกผสมอื่น ๆ อย่างบรามันหรือชาโลเล่
ส่วนการวางแผนธุรกิจเลี้ยงโคจากนี้ไป เขาระบุว่าขณะนี้กำลังทำเรื่องเสนอของงบจากองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ยางสว่างเพื่อทำโรงเรือนรวบรวมโคเนื้อวากิวเพื่อเป็นตลาดซื้อ-ขายในเขตอำเภอรัตนบุรีและประสานเชื่อมโยงเครือข่ายกับสหกรณ์อื่น ๆ ที่สนใจมารับซื้อโคไปจะทำตลาดต่อไป หลังจากทำโรงเรือนรวบรวมตลาดซื้อขายเสร็จ จากนั้นสหกรณ์มีแผนสร้างโรงชำแหละแปรรูปเพื่อจะได้ดำเนินการโคเนื้อวากิวแบบครบวงจร โดยทุกวันนี้พ่อค้าที่มารับซื้อวากิวจากสหกรณ์จะนำไปจ้างโรงชำแหละที่จ.ขอนแก่นและของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคขุนตำบลสลักได ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในจ.สุรินทร์
ทั้งนี้ อนาคตสหกรณ์เราก็มีแผนสร้างโรงชำแหละแปรรูป อยากได้โรงเชือดแปรรูป ทำแผนยื่นขอการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ไป 5 ล้านบาท เชือดได้เดือนละ10 – 20 ตัว ถ้าเรามีโรงเชือดมาตรฐาน GMP ตั้งอยู่ตรงนี้ต่อไปก็จะมีผู้ประกอบการขายเนื้อในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง อย่างศรีสะเกษหรืออุบลราชธานีที่เลี้ยงโคกันเยอะก็จะมาจ้างโรงเชือดชำแหละของเราก็จะสร้างรายได้ให้กับสหกรณ์อีกทางหนึ่ง เพียงแต่ที่ผ่านมาสหกรณ์ยังติดปัญหาเรื่องที่ตั้ง เพราะยังใช้พื้นที่ของหมู่บ้าน ตอนนี้มีสมาชิกได้บริจาคพื้นที่ให้ 1 ไร่ 3 งานเป็นที่ตั้งโรงงาน ทราบว่าขณะนี้ท่านรองได้สั่งการให้ทางสหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ลงมาดูพื้นที่แล้ว” นายเรืองศักดิ์ กล่าว
ติดตามข่าวอาหารแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ปลาหมึก กินอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ